อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ฯ นิด้า ตั้งคำถามไทยพีบีเอส เพราะเหตุไรข่าวจับโป๊ะ ปลากุเลาตากใบ ผู้สื่อข่าวถึงเชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ไม่ถามต้นทางคือเชฟชุมพลหรือโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ลงพาดหัวเรื่อง “จับโป๊ะ” ทำเชฟชุมพลเสียหาย แล้วก็เสียชื่อเสียงประเทศไทย ชี้ที่ผ่านมาข่าวสารออนไลน์พลาดหลายครั้ง แล้วพูดว่าจะแก้ไข ใครรับผิดชอบ
วันนี้ (15 พฤศจิกายน) จากในกรณีที่เฟซบุ๊ก “Thai PBS ศูนย์ข่าวภาคใต้” ของศูนย์ข่าวภาคใต้ สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายงานว่า ผู้ประกอบการปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาสหลายรายโวย เมื่อรู้ว่าปลากุเลาเค็มตากใบที่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์แก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค หรือเอเปก 2022 กลับเป็นปลามาจากพื้นที่อื่นที่ถูกนำไปจัดเลี้ยง ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุไรเอาปลาจากที่อื่นมา ไม่ใช่ร้านของตัวเอง จึงไม่อยากให้นำชื่อของปลากุเลาเค็มตากใบไปใช้ รวมถึงมีการนำภาพของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโอรังปันตัย จ.ปัตตานี ไปใช้โปรโมต จึงเกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดว่าสั่งซื้อมาจากกลุ่มนี้ กลายเป็นที่วิภาควิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ
ถัดมาเฟซบุ๊ก “ปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ” โพสต์ข้อความระบุว่า
จากกรณีดรามาในโลกออนไลน์เรื่องปลากุเลาปลอม ยืนยันว่ามาจากร้านของตัวเอง ด้วยเหตุว่าเป็นร้านจำหน่ายปลากุเลาเค็มเพียงรายเดียวในอำเภอตากใบที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดด้านคุณภาพที่เหมาะสมกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนที่น่าเชื่อถือ (มผช.) ในระดับ 5 ดาว ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ได้มาซื้อปลากุเลาเค็มไปจำนวน 1 ตัวเพื่อนำไปชิม กระทั่งมีการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ แต่เนื่องจากว่ามีการซื้อวันละหลายหมื่นบาทในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาภายหลังจากมีกระแสข่าวเอเปก ทำให้ร้านไม่ทันได้ตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าหน่วยงานภาครัฐ โดยตัวแทนได้สั่งผ่านระบบออนไลน์ไป จึงเกิดข้อผิดพลาดกันในกลุ่มผู้ค้าขายปลากุเลาเค็มตากใบ
สอดคล้องกับนายชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังของไทย ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าเชฟในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์แก่ผู้นำเอเปก 2022 ยืนยันว่า กระแสโซเชียลมีเดียที่ระบุว่าเมนูปลากุเลาตากใบเป็นปลากุเลาปลอมนั้นไม่เป็นความจริง ด้วยเหตุว่าได้สั่งปลากุเลาตากใบจากร้าน “ปลากุเลาเค็มตากใบป้าอ้วน” ซึ่งเป็นสินค้าโอทอป 5 ดาว ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มอื่นไม่ได้ทราบในข้อมูลตรงนี้ จึงเกิดความเข้าใจผิด โดยจะใช้เป็นส่วนประกอบในเซตอาหารจานหลัก เพื่อเพิ่มความโดดเด่นในเรื่องของกลิ่นในซอสราดมัสมั่นเนื้อน่องโคขุนจากสหกรณ์โพนยางคำ จังหวัดสกลนคร และก็ข้าวกล้อง 9 ชนิดอบตะไคร้หอม
ล่าสุดเฟซบุ๊ก Warat Karuchit ของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์แล้วก็นวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความหัวข้อ “จับโป๊ะใครกันแน่?” ระบุว่า “กรณีการลงข่าวนี้ ข่าวไทยพีบีเอสจะ “จับโป๊ะ” รัฐบาล หรือว่าข่าวไทยพีบีเอสจะถูก “จับโป๊ะ” เสียเอง?
เนื้อหาข่าวไทยพีบีเอสเป็นการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการในพื้นที่ตากใบ “บางคน” ที่ให้ข้อมูลว่าไม่เห็นรู้เรื่องว่ามีการซื้อขายปลากุเลาเค็มจากร้านใดร้านหนึ่งใน 9 ร้านที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ของจังหวัดไปเลย จึงสรุปได้ว่าที่รัฐบาลโปรโมตว่าจะนำเอาปลากุเลาเค็มไปประกอบอาหารในการประชุมเอเปกนั้น “ไม่จริง”
ซึ่งถัดมาเชฟชุมพล แล้วก็รองโฆษกรัฐบาล ก็ออกมาให้ข้อเท็จจริงว่า
เชฟชุมพลซื้อ ปลากุเลาตากใบ มาจากตากใบจริง จากร้านป้าอ้วน
ด้วยเหตุว่าเป็นร้านเดียวที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งถัดมาเฟซบุ๊กของร้านป้าอ้วนก็ออกมายืนยันว่ามีการสั่งซื้อไปจริง แต่ด้วยการที่ร้านขายจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าใครซื้อไปบ้าง (แล้วก็คงจะบอกกันไปในกลุ่มว่าไม่รู้เรื่องที่ขายปลาเค็มไปประกอบอาหารเอเปก ด้วยเหตุว่าไม่เห็นมีใครมาติดต่อแจ้งอย่างงั้น)
ผมไม่แน่ใจว่านักข่าวที่ทำข่าวนี้เรียนจบวารสารศาสตร์มาหรือเปล่า หรือ บก.ที่ตรวจข่าวนี้ (มีไหม) ใช้หลักการอะไรในการปล่อยให้ข่าวนี้ออกมาได้ แต่ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ ผมก็มีคำถามที่คนทั่วไปก็คงจะสงสัยแบบเดียวกัน คือ เพราะเหตุไรผู้สื่อข่าวที่ทำข่าวนี้ถึง …
- เชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ด้วยคำบอกเล่าของร้าน (บางคน) เพราะเหตุไรไม่คิดว่า คนที่ไปสัมภาษณ์นั้นเขารู้จริงหรือไม่ เข้าใจผิดหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนซื้อไปทำอาหารเอเปก การหาข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานนี่คือหลักการวารสารศาสตร์เบื้องต้นเลย
- ถ้าหากไม่แน่ใจว่าร้านค้าจะรู้ข้อมูลหรือไม่ ทำไมไม่ทำสิ่งที่ง่ายที่สุด ก็คือถามไปที่ต้นทาง นั่นคือเชฟชุมพล หรือทางสำนักนายกฯ ก็ได้ ว่าซื้อจริงไหม ซื้อยังไง ใครซื้อ การหาข้อมูลจากอีกฝั่ง ก็เป็นหลักวารสารศาสตร์เบื้องต้นสุดๆ เช่นกัน (ถ้าติดต่อไม่ได้ ก็ระบุไปว่ายังไม่ได้รับคำตอบ)
แต่ไม่ครับ ผู้สื่อข่าวที่ทำข่าวนี้ ไม่ได้ทำทั้งสองข้อ แล้วก็ลงข่าวพร้อมพาดหัวเลยว่า “จับโป๊ะ” ที่แปลว่า “จับโกหก”
คำถามต่อไปของผมคือ
- ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของเชฟชุมพล จากการเกิดความเข้าใจผิดด้วยข้อมูลบิดเบือน ไทยพีบีเอสและก็ผู้สื่อข่าวคนนี้จะรับผิดชอบเช่นไร?
- ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของประเทศไทยในสายตาชาวโลกจากการเกิดความเข้าใจผิดด้วยข้อมูลบิดเบือน ไทยพีบีเอสและก็ผู้สื่อข่าวคนนี้จะรับผิดชอบเช่นไร?
- ไทยพีบีเอสเคยลงข่าวออนไลน์ด้วยข้อมูลที่ผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง แล้วก็ทุกครั้งก็ให้สัญญาว่าจะแก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก รวมทั้งมีกลไกการตรวจสอบข่าวก่อนเผยแพร่ กลไกการป้องกัน การตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นคืออะไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ?
เหนื่อยใจเหมือนกันนะครับ เสียเวลาด้วย ที่ต้องมาคอยแก้ไขข้อมูลผิดๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก จากองค์กรสื่อที่ได้งบประมาณจากภาษีปีละ 2,000 ล้าน ที่ควรมีมาตรฐานการทำข่าวแล้วก็สร้างประโยชน์ให้สาธารณะ ไม่ใช่การสร้าง Fake News เสียเอง
แล้วก็ไม่เข้าใจว่า จะทำประเด็นนี้ให้เป็นดรามาเชิงลบ สร้างความขัดแย้ง แล้วก็จะมาดิสเครดิตคนทำงานที่พยายามทำเพื่อชาติทำไม ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยได้รับเกียรติสำคัญระดับโลกเช่นนี้? มันมีผลดีต่อใครหรือครับ?
(รายการเด็ก สารคดี ซีรีส์ รายการอื่นๆ ดีนะครับ แต่ข่าวสารออนไลน์ของไทยพีบีเอส ผิดซ้ำซากอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็กรณีนี้ยิ่งชัดเจนว่าไม่มีระบบการตรวจสอบก่อนลงข่าวครับ)”
ย้อนดูประเด็นดราม่า ปลากุเลาเค็ม
จากกรณี “ปลากุเลาจากตากใบ” ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์แก่ผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก 2022 ถือเป็นการโปรโมตของดีจังหวัดชายแดนใต้ เป็นสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาสให้โด่งดัง เพราะ “ปลากุเลาเค็มตากใบ” เป็นปลาสายพันธุ์ท้องถิ่นของจังหวัดนราธิวาส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา
คนทั่วไปขนานนามว่า “ราชาแห่งปลาเค็ม” เนื่องจากมีรสสัมผัสกลมกล่อม เนื้อฟู มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้ปลากุเลาเค็มตากใบ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300-1,500 เป็นของฝากยอดนิยมที่ผู้คนมักซื้อไปฝากกันนั้น
ล่าสุด วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 มีรายงานว่า ในโลกออนไลน์เกิดประเด็นถกเถียงถึงการนำ “ปลากุเลาเค็มตากใบ” ไปใช้ในการจัดเลี้ยง เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ผู้ประกอบการปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาส อ้างว่า ปลากุเลาเค็มตากใบ ที่นำไปจัดเลี้ยงนั้นเป็นปลาจากพื้นที่อื่น ทำให้หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้.